Friday, July 10, 2009

นั่งรถไฟกินลมชมวิวคร๊าบ

0 comments
>





ผ่านวันหยุดยาวมาแล้ว...ไม่ทราบว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างคะ น้องพูนพูนก็มีทริปเล็ก ๆ กับเค้าเหมือนกันค่ะ นั่งรถไฟไปเที่ยวที่ลำปางใช้บริการรถไฟฟรีของทางรัฐบาลบ้าง อิอิ ไปกับคุณตา ส่วนแม่โอกับคุณยายก็ขับรถไปรับที่สถานีปลายทาง มาดูกันดีกว่าว่าเด็ก ๆ ลั่นลากันขนาดไหน

เค้าว่ากันว่าประสบการณ์เป็นการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ ก็ถูกอย่างที่เค้าว่านะคะ เด็ก ๆ เนี่ยควรจะให้เค้าได้เปิดหูเปิดตาไปกับธรรมชาติที่สวยงาม บางครั้งอาจจะทุลักทุเลนิดนึงแต่ก็จะทำให้เค้าแข็งแกร่งขึ้นค่ะ น้องพูนพูนจริง ๆ แล้วเป็นเด็กที่ไม่ค่อยชอบไปไหน ชอบที่จะเล่นอยู่กับบ้าน เล่นอะไรก็ไม่รู้อยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน แต่แม่โอก็อยากจะให้น้องเค้าได้พบประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เค้าไม่เคยเห็น การพาเค้าไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เป็นการเปิดโลกใหม่ให้กับเค้าค่ะ บางครั้งเราอาจจะคิดว่าต้องรอวันหยุดยาว หรือการไปเที่ยวอาจจะต้องใช้งบประมาณค่อนข้างมาก แต่ถ้าเราลองมองไปรอบ ๆ ตัว สถานที่ ๆ เราคิดว่าธรรมดาอาจจะไม่ธรรมดาสำหรับลูกน้อยของเราก็ได้นะคะ ที่โรงเรียนมักจะมีกิจกรรมพานักเรียนไปทัศนะศึกษา ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี,โรงเรียนฝึกลิง ล่าสุดที่ผ่านมาก็พานักเรียนไปเรียนปั้นดินที่จังหวัดลำพูน เด็ก ๆ ชอบมากเลยค่ะ นี่ก็เป็นอีกกิจกรรมที่แม่โอไม่เคยพลาดเลยค่ะ น้องพูนพูนก็จะได้ไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ ที่แม่ไม่เคยพาไป แล้วก็ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนต่างห้อง ต่างชั้นเรียนอีกด้วย แม่ ๆ คนไหนสนใจก็ลองพาลูก ๆ เที่ยวแถว ๆ บ้านได้นะคะ
Read More......

Sunday, June 21, 2009

ประโยชน์ของข้าวกล้องงอก

2 comments
>

ข้าวกล้องงอก คืออะไร
ข้าวกล้องงอก (germinated brown rice หรือ “GABA-rice”) ถือเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ข้าวกล้องงอก (germinated brown rice) เป็นการนำข้าวกล้องมาผ่านกระบวนการงอก ซึ่งโดยปกติแล้ว ในตัวข้าวกล้องเองประกอบด้วยสารอาหารจำนวนมาก เช่น ใยอาหาร กรดไฟติก (Phytic acid) วิตามินซี วิตามินอี และ GABA (gamma aminobutyric acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน และช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัว เป็นต้น เมื่อนำข้าวกล้องมาแช่น้ำเพื่อทำให้งอก จะทำให้ข้าวกล้องมีสารอาหาร โดยเฉพาะ GABA เพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากจะได้ประโยชน์จากการที่มีปริมาณสารอาหารที่สูงขึ้นแล้ว ยังทำให้ข้าวกล้องงอกที่หุงสุกมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม รับประทานได้ง่ายกว่าข้าวกล้องธรรมดาอีกด้วย จึงง่ายแก่การหุงรับประทานได้โดยไม่ต้องผสมกับข้าวขาวตามความนิยมของผู้บริโภค

จากการศึกษาทางกายภาพและทางชีวเคมีพบว่า “เมล็ดข้าว” ประกอบด้วย เปลือกหุ้มเมล็ด หรือแกลบ (Hull หรือ Husk) ซึ่งจะหุ้มข้าวกล้อง ในเมล็ดข้าวกล้องประกอบด้วย จมูกข้าวหรือคัพภะ (Germ หรือ Embryo) รำข้าว (เยื่อหุ้มเมล็ด) และเมล็ดข้าวขาวหรือเมล็ดข้าวสาร (Endosperm) สารอาหารในเมล็ดข้าวประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบหลัก โดยมีโปรตีน วิตามินบี วิตามินอี และแร่ธาตุที่แยกไปอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของเมล็ดข้าว นอกจากนี้ ยังพบสารอาหารประเภท ไขมันซึ่งพบได้ในรำข้าวเป็นส่วนใหญ่

ข้าวเมื่ออยู่ในสภาวะที่มีการเจริญเติบโตจะมีการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี การเปลี่ยนแปลง จะเริ่มขึ้น เมื่อน้ำได้แทรกเข้าไปในเมล็ดข้าว โดยจะกระตุ้นให้เอนไซม์ภายในเมล็ดข้าวเกิดการทำงาน เมื่อเมล็ดข้าวเริ่มงอก (malting) สารอาหารที่ถูกเก็บไว้ในเมล็ดข้าวก็จะถูกย่อยสลายไปตามกระบวนการทางชีวเคมีจนเกิดเป็นสารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลเล็กลง (oligosaccharide) และน้ำตาลรีดิวซ์ (reducing sugar) นอกจากนี้ โปรตีนภายในเมล็ดข้าวก็จะถูกย่อยให้เกิดเป็นกรด อะมิโนและเปปไทด์ รวมทั้งยังพบการการสะสมสารเคมีสำคัญต่าง ๆ เช่น แกมมาออริซานอล (gamma-orazynol) โทโคฟีรอล (tocopherol) โทโค ไตรอีนอล (tocotrienol) และโดยเฉพาะ สารแกมมาอะมิโนบิวทิริกแอซิด (gamma-aminobutyric acid) หรือที่รู้จักกันว่า “สารกาบา”(GABA)
คุณประโยชน์ของสารในข้าวกล้องงอก
1.มีสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มฟิโนลิค (phenolic compounds) ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า ชะลอความแก่
2.สารออริซานอล (orizanal) ช่วยควบคุมระดับ ลดอาการผิดปกติของวัยทอง
3.สารกาบา (GABA) ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ (ความจำเสื่อม) ช่วยผ่อนคลาย ทำให้จิตใจสงบ หลับสบาย ลดความเครียดวิตกกังวล ลดความดันโลหิต
4.เยื่อใยอาหาร (food fiber) ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันมะเร็งลำไส้ และลดอาการท้องผูก
5.วิตามินอี (vitamin E) ลดการเหี่ยวย่นของผิว


จากการวิจัยเบื้องต้นของ อ.พัชรี ตั้งตระกูล จากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการศึกษาหาพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมและสภาพการผลิตข้าวกล้องงอกที่มีประสิทธิภาพ พบว่า ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เมื่อนำมาเพาะเป็นข้าวกล้องงอกจะมีสาร GABA มากที่สุด (15.2 - 19.5 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) ซึ่งสูงกว่าข้าวกล้องปกติ ส่วนสภาวะที่จะทำให้ข้าวกล้องงอกได้ดีคือ ต้องนำข้าวกล้องไปแช่น้ำราว 48 - 72 ชั่วโมงในหม้อแช่ โดยมีการควบคุมอุณหภูมิ การไหลเวียนน้ำ ความดัน และความเป็นกรดด่างของน้ำ เพื่อให้ความชื้นจากน้ำไปกระตุ้นให้เมล็ดข้าวงอกและเปลี่ยนกรดกลูตามิกไปเป็นสารกาบาอันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ต่อมาเมื่อได้ข้าวกล้องงอกในขั้นตอนนี้แล้ว ก็ต้องทำให้ข้าวกล้องงอกหยุดการงอกต่อไป โดยอบแห้งให้มีความชื้นต่ำกว่า 14% ในหม้ออบแห้ง จากนั้นจึงบรรจุลงในถุงสุญญากาศพร้อมขายเป็น ลำดับสุดท้าย สำหรับข้าวกล้อง ที่สามารถนำมาแช่น้ำให้เกิดการงอกได้นั้นจะต้องเป็นข้าวกล้องที่ผ่านการกะเทาะเปลือกมาไม่นานเกิน 2 สัปดาห์

ปัจจุบันผู้ประกอบการภาคเอกชนกำลังให้ความสนใจกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจากข้าว ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าแนวทางการผลิตและจำหน่ายข้าวในปัจจุบันจะต้องมีการปรับตัวเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวและใช้ประโยชน์จากข้าวอย่างคุ้มค่าด้วยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในประเทศไทย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) จึงได้ริเริ่มในการพัฒนาโครงการข้าวกล้องงอกเพื่อสุขภาพ โดยร่วมมือกับสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและกลุ่มธุรกิจข้าวรายใหญ่ของประเทศจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ปทุมไรซซ์มิลล์ แอนด์ แกรนารี จำกัด บริษัท เจียเม้ง จำกัด และ บริษัท ธวัทชัย อินเตอร์ไรซ์ จำกัด ในการพัฒนาสายการผลิตต้นแบบสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมข้าวของประเทศไทย และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศ รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทย ซึ่งโครงการนี้ มุ่งเน้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมข้าวกล้องงอกสำหรับรับประทาน ที่มีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม รับประทานง่าย และผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอกแปรรูปเพื่อสุขภาพต่าง ๆ เช่น อาหารว่าง ซุป และเครื่องดื่ม

แหล่งที่มา:สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว


Read More......

Wednesday, June 17, 2009

อร่อยจังเลยคร๊าบ....แม่

0 comments
>
เมื่อวานมีเวลาว่าง ก็เลยไอเดียบรรเจิดอยากทำอะไร ๆ อร่อย ๆ ง่าย ๆ ให้ลูกชายสุดที่รักกิน ไปเจอสูตรทำเวฟเฟิลของเวปโหระพา (ขอบคุณมาก...กค่า) พอน้องพูนพูนได้ชิมก็ติดใจ ขอเบิลสอง...สาม...สี่ ดีใจจังเลยทำแล้วลูกชอบ

คุณแม่คะ เคยเป็นมั๊ยคะเวลาที่เราทำอะไรให้ลูกทานแล้วเค้าชอบ มีความสุขมากเลย เห็นเค้ากินเอ๊ากินเอา เราก็พลอยมีความสุขไปด้วย ลองมาทำขนมว่างง่าย ๆ แต่ได้ใจลูก ๆ กันดีกว่าค่ะ
ส่วนผสม
1. นมสด 1,000 กรัม
2. น้ำตาลไอซิ่ง 400 กรัม
3. น้ำมันสลัด 300 กรัม
4. เนยสดละลาย 200 กรัม
5. ไข่ไก่ 6 ฟอง
6. แป้งสาลีทำเค้ก 700 กรัม
7. แป้งสาลีทำขนมปัง 300 กรัม
8. เกลือป่น 10 กรัม
9. ผงฟู 30 กรัม
10. วานิลลา 10 กรัม
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดรวมกันตีด้วยเครื่องหรือตีด้วยแส้มือก็ได้ จนเข้ากันดี พักไว้ประมาณ 20 นาที

เครื่องเคียง
1. บลูเบอร์รี่กวน
2. เชอร์รี่กวน
3. อัลมอนด์อบหั่นแล้ว
4. วิปปิงครีม
5. ช็อกโกแลตซอส
6. น้ำเชื่อมเมเปิล
7. ช็อกโกแลตขูดเป็นแผ่นหรือม้วน
8. โยเกิร์ต

Read More......

Sunday, June 7, 2009

สูตรแตงกวาเพื่อผมสวย

0 comments
>
เหนื่อยมั๊ยคะคุณแม่ทั้งหลาย ที่ต้องคอยดูแลเจ้าลิงน้อยที่บ้าน ไหนจะดูแลบ้านช่อง เอาใจใส่สามี ฯลฯ เคยมั๊ยคะที่พอส่องกระจกแล้วตกใจ เฮ้ย !!! นี่ใครเนี๊ย ทำไมมันกระเซิงอย่างนี้ แม่โอคนนึงล่ะค่ะที่เป็นอยู่ทุกวี่วัน ไม่ได้นะคะถึงแม้จะเป็นคุณแม่แล้วแต่ก็เป็นคุณแม่ยังสาว ต้องดูแลเอาใจใส่ตัวเองด้วยนะคะ วันนี้แม่โอมีเทคนิคดี ๆ ง่าย ๆ เสริมความงามให้คุณแม่ทุกคนค่า

ไม่ว่าบ้านไหนก็คงมีแตงกวา โยเกิร์ต และน้ำผึ้งติดตู้เย็นไว้อยู่แล้วนะคะ เราสามารถนำของเหล่านี้มาทำสูตรบำรุงผมให้สวยได้ ด้วยสรรพคุณของแตงกวาที่อุดมไปด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ธรรมชาติ โยเกิร์ตที่ช่วยให้ผมีน้ำหนักจัดทรงง่าย และน้ำผึ้งที่ช่วยให้ผมเวาวามราวกับทำแวกซ์เชียว เปิดตู้เย็นแล้วนำส่วนผสมออกมาเริ่มทำกันได้เลยค่ะ
ส่วนผสม
- แตงกวาหั่นเป็นแว่น 1 ลูก
- โยเกิร์ตธรรมชาติ 1 ถ้วย
- น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ปั่นรวมแตงกวากับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งจนเป็นเนื้อเดียวกัน
2. ชโลมส่วนผสมให้ทั่วตั้งแต่โคนผมจรดปลายผม
3. นำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นจัด บิดหมาด ๆ คลุมศรีษะทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
4. ล้างน้ำออกให้สะอาด สระผมตามปกติ
สูตรผมสวยนี้ถ้าทำเป็นประจำสัปดาห์ละครั้ง คุณจะค่อย ๆ รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเส้นผมแห้งกรอบ เส้นผมจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พลิ้วไหวตามธรรมชาติ อ่อนนุ่มยาวสัมผัส และหนังศรีษะเย็นสบายท้าแดดรับฝนอีกด้วย อย่าลืมไปทดลองกันนะคะ
ที่มา : นิตยสารชีวจิต
Read More......

Friday, June 5, 2009

ในภาวะเศรษฐกิจเยี่ยงนี้....

0 comments
> เฮ้อ...นั่งดูข่าวทุกวี่ทุกวัน มีแต่ข่าวปลดคนงาน เศรษฐกิจไม่ดี น้ำมันขึ้นราคา ..... 108 1009 ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ เราควรจะมีการวางแผนการใช้เงินให้รัดกุมขึ้นนะคะ หรือไม่อย่างนั้นอาจจะลองปรับพฤติกรรมการใช้เงินดูดีกว่า

แม่โอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของบ้านเรา เนื่องจากช่วงนี้ค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น ไหนจะน้องพูนพูนย้ายโรงเรียน ค่าเรียนเสริมของน้อง ฯลฯ ก็เลยปิ้งไอเดียอยากจะหารายได้พิเศษเพื่อมาจุนเจือในส่วนนี้ คิดแล้วคิดอีก....ทำไรดีหว่า จะไปทำงาน Part Time ก็อายุปูนนี้แล้ว ไหนจะลูก ไหนจะงานบ้านอีก คงต้องหาอะไรที่ไม่กินเวลาของครอบครัวเพราะต้องทำงานประจำอยู่ด้วย นึกขึ้นได้ว่า เดี๋ยวนี้ไม่เห็นจะต้องไปขายของนอกบ้านเลย อยู่บ้านก็เป็นแม่ค้าได้ ก็เลยขายของบนเน็ตซะเลย แล้วเราจะขายอะไรดีล่ะ???? นึกไปนึกมาลงเอยที่เสื้อผ้าเด็ก แต่เป็นเสื้อผ้าเด็กมือสองคุณภาพดีเยี่ยมที่เราเป็นลูกค้าอยู่บ่อย ๆ โอเค !!!! เอาล่ะ อย่าช้าเลย ว่าแล้วก็บรรเลงเพลงแม่ค้ามือใหม่ซะเลย ช่วยเป็นกำลังใจให้แม่ค้ามือใหม่คนนี้ด้วยนะคะ แวะเยี่ยมชมร้าน Poon-Poon2home ได้เลยนะคะ สินค้าคุณภาพดี ราคาประหยัด เหมาะสำหรับเศรษฐกิจแบบนี้ค่ะ
Read More......

Sunday, May 31, 2009

เตรียมลูกก่อนเข้าเรียน เริ่มต้นจากครอบครัว

0 comments
>
"หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ โอ๊ะโอ!!" แหม...เหลืออีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะเริ่มต้นเทอมใหม่กับการเรียนกันแล้ว หลายครอบครัวคงจะเต็มอิ่มกับการได้อยู่กับลูกตลอดซัมเมอร์นี้กันไม่มากก็น้อยนะครับ

แต่ด้วยหน้าที่ของเด็ก ที่จะต้องไปเรียนหนังสือ การได้อยู่ในอ้อมอกของพ่อแม่ไปตลอด คงไม่ดีนัก เพราะจะต้องรู้จักผู้คน และเรียนรู้โลกภายนอกบ้าง เพื่อเข้าใจความเป็นจริงของสังคมที่เกิดขึ้น ไม่ต่างจากครอบครัวที่มีลูกเล็ก ผู้ปกครองเริ่มมีความวิตกกังวลมากขึ้น เพราะถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องพาลูกเข้าสู่โลกใบใหม่ในระบบโรงเรียนแทนระบบครอบครัว วันนี้ Life & Family จึงนำวิธีการเตรียมลูกรักก่อนเข้าเรียน มาฝากคุณพ่อ คุณแม่กันครับ นพ.ทัศนวัต สมบุญธรรม ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี แนะนำว่า ก่อนลูกจะเข้าโรงเรียนอนุบาล ครอบครัวต้องมีส่วนช่วยลูก เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในรั้วโรงเรียนอนุบาล ดังนี้
1. พ่อแม่ต้องฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวันแบบง่ายก่อน เช่น การกินอาหาร การแปรงฟัน การล้างมือ การตื่นนอน หรือการเข้าห้องน้ำ
2. สอนทักษะการสื่อสารให้กับลูก เช่น ฝึกการพูด การใช้คำ เพื่อให้เข้าใจความหมาย และคำสั่งต่างๆ ได้ดี รวมถึงความรู้สึกเบื้องต้นของลูก เช่น ชอบ ไม่ชอบ ร้อน หนาว อิ่ม หิว เป็นต้น
3. ฝึกกฎระเบียบกติกา เช่น การรอคอย การไม่ส่งเสียงดัง การแสดงความคิดเห็นโดยการยกมือขออนุญาตก่อนจะพูด หรือก่อนจะทำอะไร อาทิ การขออนุญาตเข้าห้องน้ำ
4. ฝึกทักษะการแก้ไขปัญหาในสังคม เช่น ไม่ใช้ความรุนแรงกับคนอื่น แต่สอนให้รู้จักประนีประนอม ยอมความ เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่หวัง รวมถึงการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การมีน้ำใจ แบ่งปันช่วยเหลือเพื่อน
5. เสริมสร้างทัศนคติการไปโรงเรียนที่ดีกับลูก เช่น ไปโรงเรียนแล้วมีแต่คุณครูใจดี มีเพื่อนมากมาย มีของเล่น และกิจกรรมสนุกๆ เยอะเลย เป็นต้น
นอกจากนี้ คุณหมอยังแนะต่อว่า เมื่อโรงเรียนเปิดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ ต้องบอกความจริงกับลูก อย่าโกหก หรือหลอกลวง, พูดคุยกับลูกถึงกิจกรรมที่โรงเรียนในแง่ดี เช่น "มีกิจกรรมสนุกเยอะเลยนะลูก" หรือไม่ก็บอกว่า "ทำกิจกรรมที่โรงเรียน หนูจะมีเพื่อนเยอะแยะเลยนะจ๊ะ" เป็นต้น ขณะโรงเรียนเลิก ไม่ควรปล่อยให้ลูกรอคอยผู้ปกครองนานเกินไป เพราะจะทำให้เด็กกลัว เกิดอาการเคว้ง และไม่อยากไปโรงเรียน ที่สำคัญต้องเปิดโอกาสให้ลูกถาม หรือระบายความเครียดผ่านการพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับการไปโรงเรียนด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาระหว่างลูกกับโรงเรียน อย่างไรก็ตาม ก่อนเด็กเข้าสู่รั้วโรงเรียน สถานศึกษาบางแห่งจะมีการปรับพื้นฐานให้กับเด็กก่อน ฉะนั้นพ่อแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับตัวของลูก แต่ทั้งนี้การเตรียมพร้อมที่ดีที่สุดต้องเริ่มจากครอบครัวเป็นสำคัญ เพียงแค่นี้การเข้าเรียนใหม่ของเด็กๆ จะไม่มีเสียงงอแงให้ปวดหูคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไป กลับแต่จะมีเสียงเรียกร้องอยากไปโรงเรียนของลูกตามมา

ที่มา: Mother & Care
Read More......

Friday, May 29, 2009

เที่ยวละไม สุขใจไปกับน้องพูนพูน

0 comments
>
"อยากไปเที่ยวอควาเรี่ยมจังเลย เพื่อน ๆ ของพูน พูนนะเค้าไปกันหมดแล้ว อยากไปอ่ะ" ลูกชายตัวดีมาอ้อนให้พาไปเที่ยวอีกล่ะ ว่าแล้วช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้พาลูก ๆ ไปเที่ยวที่ไหนเลย มั่วแต่ทำอะไรก็ไม่รู้ บางครั้งก็ไปตามใจตัวเองไม่ได้ตามใจลูกเต้าเท่าไหร่ OK ลูกเอ๊ย แม่จะพาหนูออกไปท่องโลกกว้างกัน....ไปกันโล้ด!!!!

ที่เชียงใหม่ช่วงนี้เค้ากำลังเห่อ ซูอควาเรี่ยม กันค่ะ เป็น Under Weter World กันค่ะ มีทั้งสัตว์น้ำจืดและน้ำเค็ม ก็ค่อนข้างโอเคนะคะโอว่า แต่อย่าเอาไปเที่ยบกับที่พารากอนเลยค่ะ มันคนละอย่างกันเนอะ ช่วงนี้มีโปรโมชั่นด้วย ผู้ใหญ่ 2 เด็ก ฟรี !!! ชอบจังเลยของฟรีเนี๊ย ว่าแล้วก็จัดแจงชวนคุณสามีพาเราสองคนแม่ลูกไปเที่ยวกันเลย น้องพูนพูนลั่นลามากเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่เคยไปที่สยามโอเชี่ยนเวิลด์มาแล้วหลายครั้ง แต่เด็ก ๆ ก็คงชอบไม่มีเบื่อหรอกค่ะ ออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อป้องกันรถติด พอไปถึงก็มุ่งตรงไปที่ซูอควาเรี่ยมเลยค่ะ เพราะสวนสัตว์เนี๊ยไปมาหลายรอบละ "โห้ ... เจ๋งมากเลย สุด ๆ ไปเลย" อะไรจะเจ๋งขนาดนั้นเจ้าพูนพูนเอ๊ย ตื่นตาตื่นใจอะไรขนาดนั้น แต่ก็ดีแล้วค่ะที่เราได้พาลูก ๆ มาเปิดหูเปิดตาบ้าง อย่ามัวแต่อุดอู้อยู่ในบ้าน ไม่ดีแน่นอนค่ะ เด็ก ๆ ควรจะได้ออกมาพบปะผู้คนหรือสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เพื่อให้พัฒนาการของเค้าดียิ่งขึ้น เราสามารถนำสิ่งรอบตัวมาสอนเค้าได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เด็ก ๆ จะมีคำถามมากมายให้เราได้เวียนหัวอยู่แทบทุกวัน แต่นั่นก็จะเป็นพื้นฐานของเค้าให้เค้าได้คอยสังเกตุสิ่งรอบตัวและเรียนรู้อะไรได้มากยิ่ง ๆ ขึ้นค่ะ
Read More......
 

Takecare Our Kids with Heart Copyright 2008 All Rights Reserved Baby Blog Designed by Ipiet | All Image Presented by Tadpole's Notez